Categories
ข่าวบอล

นัดชิงเอฟเอ คัพ ปี 2006 เป็นเหมือนอีกเกมที่อิสตันบูล สำหรับ ซิสเซ่

ฌิบริล ซิสเซ่ อดีตกองหน้าชาวฝรั่งเศส กล่าวว่า การคัมแบ็คกลับมาของ ลิเวอร์พูล ในเกมที่เอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ปี 2006 ด้วยการดวลจุดโทษ เปรียบเหมือนกับอีกเกมที่อิสตันบูล ที่เจอกับเอซี มิลาน มาก่อนหน้านั้น

ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายถูกนำก่อน 2-0 และ 3-2 ในเกมดังกล่าว แต่เป็นการทำประตูของซิสเซ่ และ 2 ประตูของสตีเว่น เจอร์ราร์ด โดยเฉพาะลูกยิงไกลของอดีตกัปตันทีมในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ

ซิสเซ่ลงสนามเป็นตัวสำรองเมื่อตอนที่ทีมกับภายใต้การคุมทีมของราฟาเอล เบนิเตซถูกเอซี มิลาน ขึ้นนำ 3-0 ในช่วงครึ่งแรก กับนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่อิสตันบูลในปี 2005 ก่อนที่ทีมจะกลับมาตีเสมอด้วยสกอร์ 3-3 ในเวลาปกติ และไม่มีทีมไหนทำประตูเพิ่มได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ และต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ และเป็นลิเวอร์พูลที่เอาชนะ และคว้าแชมป์ไปได้สำเร็จ

ซิสเซ่ กล่าวว่า “พวกเราโดนนำก่อน 1-0 และ 2-0 เจมี่ คาร์ราเกอร์ทำเข้าประตูตัวเอง ผมจำได้ดี! แต่พวกเรากลับมาได้ ผมทำประตูได้ และพวกเราก็มาโดนนำอีก 3-2 มันเป็นสตีวี่ที่สร้างสิ่งพิเศษออกมาอีกครั้ง และพวกเราก็เอาชนะได้ด้วยการดวลจุดโทษ”

“มันเป็นอีกเกมที่เหมือนกับอิสตันบูล มันอาจจะเป็นระดับการเล่นที่ต่ำกว่า แต่มันก็เป็นอะไรที่บ้ามาก เมื่อผมได้เห็นบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ ผมได้เห็นเจอร์ราร์ด กับตำแหน่งที่เขาอยู่ในตอนนั้น และความปรารถนาในจังหวะดังกล่าว มันเป็นประตูที่เป็นไปได้ยากมากๆ และถ้ามันตรงกรอบ แน่นอนว่า มันก็เป็นอย่างที่เห็น”

“ทันทีที่ผมได้ยินเสียงลูกบอล มันคิดเลยว่า มันเป็นปัญหาของผู้รักษาประตูแน่ และมันก็เข้าไป ผมคิดว่า เขาอาจจะเป็นนักเตะคนเดียวในสนามที่สามารถทำแบบนั้นได้”

นัดชิงชนะเลิศกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด กลายเป็นเกมสุดท้ายของซิสเซ่กับลิเวอร์พูล หลังจากตัวเขาไปเล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศสและขาหักในนัดชิงชนะเลิศ จากตอนวอร์ม ก่อนที่จะย้ายไปยังโอลิมปิก มาร์กเซย

ซิสเซ่ กล่าวว่า “ตอนนั้นผมไม่รู้อะไรเลย พวกเรามีความสุขมากๆ ในตอนนั้น พวกเราฉลองแชมป์กัน และผมได้ไปเล่นให้กับทีมชาติ และผมก็ขาหัก ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย กับแผนที่จะไปฟุตบอลโลก แต่มันไม่ได้เป็นสาเหตุในการย้ายทีมของผม ผมคิดว่า มันถึงเวลาของผม หลังจากเฟร์นานโด ตอร์เรสย้ายมา ถ้าผมได้ไปฟุตบอลโลก และเล่นได้ดี ผมอาจจะไม่ถูกขาย แต่นั่นแหละคือฟุตบอล”