อาร์เยน ร็อบเบน แม้ว่าจะเพิ่งแขวนสตั๊ดไปได้ไม่นาน แต่ถึงยังไงก็ยังไม่มีแฟนบอลคนไหนที่จะกล้าลืมเรื่องราวอันยอดเยี่ยมและทักษะการเล่นอันเหนือชั้นของ อาร์เยน ร็อบเบน ปีกระดับตำนานของทีมชาติฮอลแลนด์รายนี้อย่างแน่นอน แม้จะมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอดเวลา แต่ทุกครั้งที่เขาได้บอลไว้กับเท้าซ้ายอันฉมังสุดของเขา รับรองได้เลยว่ามันจะต้องมีอะไรเด็ดๆจากซ้ายเราดาร์ของเขาอย่างแน่นอน หลายคนจดจำการหลุดไปยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2010 แต่ยิงไม่เข้า บางคนอาจจะจดจำวิธีที่เขายิงจุดโทษพลาดในเกมแชมเปี้ยนส์ลีกนัดชิงชนะเลิศ แต่หัวใจของปีกหัวบางรายนี้ก็แกร่งพอที่จะแบกรับเสียงก่นด่าจากแฟนบอล แล้วเปลี่ยนมันเป็นเสียงเชียร์ได้ โดยเฉพาะกับประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกในอีก 1 ปีต่อมา ต่อจากปีที่เขายิงจุดโทษไม่เข้านั่นเอง
“อาร์เยน ร็อบเบน เป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม แต่เขาบาดเจ็บเสมอ” โดยทั่วไปแล้วเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เคยพูดกันมามากเลยเกี่ยวกับร่างกายของ ร็อบเบน ตั้งแต่เมื่อเขาเล่นให้กับเชลซีและย้ายจากทีมดังของอังกฤษมาอยู่กับเรอัล มาดริด เขามีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม เหมาะสมและพร้อมกับการเป็นยอดนักกีฬาที่กำลังรอเขาอยู่ในเวลานั้น แต่เขามักจะไม่ติดอยู่ในรายชื่อทีมเท่าไหร่เพราะเขามักจะ “บาดเจ็บ” แต่เมื่อเราดูประวัติการบาดเจ็บของปีกรายนี้ เราจะเห็นเรื่องราวที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาอายุมากขึ้น เขาก็เริ่มไม่ค่อยเข้าโรงหมอเหมือนตอนหนุ่มๆ อย่างน้อยก็ตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่ที่บาเยิร์น นอกเหนือจากการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อฉีกขาดในช่วงฤดูกาล 2010/11 จากนั้นมา ร็อบเบน ก็แทบจะไม่เจ็บหนักอีกเลย เขาได้ลงเล่นต่อเนื่องนานกว่ากว่าเดิมในช่วงสามฤดูกาลล่าสุด มีเพียงบาดแผลที่บริเวณเท้าของเขาในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาซึ่งทำให้เขาพลาดในการลงเล่นไปบ้าง ร็อบเบนในอดีตนั้น ไม่เคยเจ็บอะไรอีกนอกไปจากที่บริเวณหัวเข่าและข้อเท้าที่บอบบางของเขา แต่เขาเปลี่ยนไปมาก เขาแกร่งมากขึ้นตอนอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค
โดยทั่วไปแล้วผู้เล่นแบบร็อบเบน จะมีสไตล์ที่มักจะชอบเลี้ยงบอลฝ่าไปเอง เขาเติบโตมากับระบบทีมเยาวชนในลีกฮอลแลนด์ เขาเป็นนักเตะที่มีความเร็วสูง ชอบเลี้ยงบอลจี้กองหลังฝ่ายตรงข้ามเสมอ และนอกจากนี้ เขายังเป็นปีกที่ปฏิวัติสไตล์การเล่นอย่างมาก จากเดิมที่ปีกนั้นมีหน้าที่ในการโยนบอล ครอสเข้าเขตโทษ แต่เขาเลือกที่จะทำหน้าทีแบบอื่นนั่นก็คือ “ลากตัดเข้าในแล้วยิงประตู” มันคือสิ่งที่ทำให้ผู้เล่นรายนี้มีความพิเศษเหนือกว่าใคร แต่ว่าเขาเองก็มีทักษะชั้นยอดในการเป็น “ตัวจ่าย” ด้วยเช่นกัน คือถึงแม้เขาจะมีความสามารถในการเลี้ยงบอลทะลุทะลวง และแหวกแนวรับทีมใด ๆ ก็ได้ในโลก แต่เขาก็สามารถเลือกที่จะผ่านบอลอย่างแม่นยำ และเล่นเป็นกองกลางตัวทำเกมรุกได้เช่นเดียวกัน ในช่วงเวลาที่อยู่กับบาเยิร์น เขามีสถิติแอสซิสต์ไม่เลวเลย และในช่วงก่อนแขวนสตั๊ด เขาทำ 4 แอสซิสต์ในเวลาเพียง 18 เกมในฤดูกาลที่จบไป นั่นก็แสดงให้เห็นว่า เขาไมได้หวงบอลอะไรเลย เมื่อได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในทีมบาเยิร์น ในช่วงสมัยที่ เป๊ป กวาดิโอลาร์ เข้ามาทำทีมบาเยิร์น มันก็เลยทำให้วิงเกอร์ชาวดัตช์ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่สำคัญที่สุดของเป๊ปในเวลานั้น เขาเล่นในตำแหน่งปีกตามปกติก็จริง แต่เขาเองก็สามารถปรับบทบาทมาเป็น “เพลย์เมกเกอร์” ได้ด้วยเช่นกัน
ร็อบเบน อาจมีชื่อเสียงในด้านความสามารถในการเล่นกับลูกบอลบนพื้นดิน ที่ซึ่งเขาสามารถเลี้ยงบอลด้วยความเร็ว,กระพริบตามองเห็นช่องเล็กๆก็แหวกบอลไปเองได้แล้ว แต่ไม่น่าเชื่อว่าปีกรายนี้ ก็สามารถกระโจนเข้าแย่งบอลหรือโหม่งทำประตูจากการดวลกันกลางอากาศได้อีกด้วย ไม่ค่อยจะมีใครคาดคิดว่าเขาจะเล่นแบบนี้ได้ แต่มันก็น่าประทับใจมาก เขาโหม่งพังประตูให้บาเยิร์นหลายประตูด้วยกัน ว่ากันว่าลูกโหม่งของเขายังรุนแรงกว่าการยิงประตูด้วยเท้าขวาของเขาที่ไม่ใช่เท้าถนัดด้วยซ้ำไป
มีแฟนบอลหลายคนพยายามเพ่งเล็งจุดอ่อนของเขา จนกระทั่งมาถึงหัวข้อที่ว่า ร็อบเบน ชอบหายไปจากเกมเวลาเจอกับทีมใหญ่ๆหรือการแข่งขันบิ๊กแมตช์รึเปล่า ซึ่งผลก็คือ ร็อบเบนนั้น ไม่เคยหายไปจากเกมใหญ่เลย เขาโดดเด่นในทุกๆเกม ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองมองถึงเกมที่เจอกับ ดอร์ทมุนด์ หรือกระทั่งในเกมที่เขาเจอกับบาร์เซโลนาสิ ว่าเขาเล่นได้ “เทพ” ขนาดไหน ในเกมกับบาร์ซ่าในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาล 2012-13 ร็อบเบนยิง 3 ประตูจาก 2 นัดที่ดวลแข้งกับบาร์ซ่าทีเดียว
